หยกสามสี ฮกลกซิ่ว ~ Ulovebangles

หยก อัญมณี แห่งตำนานอันยาวไกล

หยก หมายถึง หินเนื้อดี หยกมีหลายสี เช่น ขาว เขียว แดง ม่วง ดำเหลือง น้ำตาล และอื่นๆ

หยก จัดเข้าเป็นหินพวก Precious Stone หรือ รัตนชาติ

หยก มีอยู่ 2 ชนิด คือหยกอ่อน เนไฟร์ท (Nephrite) และ หยกแข็ง เจไดต์ (Jadeite)

หยก ที่ดีที่สุดในโลก มาจากประเทศพม่า อยู่ทางภาคเหนือชื่อ Tawmaw ปัจจุบันแหล่งหยก เจไดท์ มีที่ภูเขาคะฉิ่น (Kachin Hills) เหมือง มยิคกินา (Matikyna) เป็นแหล่งขุดค้นหินหยกที่สำคัญ บรรดาห้างร้านชาวจีน ได้ซื้อหยกจากแหล่งนี้ ส่งไปทำที่เหมืองกวางตุ้ง ปักกิ่ง ซัวเถา และเชี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นแหล่งที่ทำการเจียระไนหยก

หยกมีหลายสีตามธรรมชาติ ในบันทึกทางประวัติศาสตรของจีน กล่าวไว้ว่ามีถึง 9 สีด้วยกัน คือ เขียว ขาว ม่วง แดง น้ำตาล เหลือง เทา ดำ และน้ำเงิน แต่ก็แยกแยะกันไปตามลักษณะของสี ของความเข้ม อ่อน จาง ใส สรุปได้ว่ามีมากกว่า 18 ลักษณะสีสันนั่นเอง

นับพันปีที่ ชาวจีนโบราณ ให้ความสำคัญกับหยก ถือเป็นของวิเศษของเซียน ผู้ทรงคุณทางฤทธิ์เดช เป็นธาตุกายสิทธิ์ ที่มีเทพดารักษาอยู่ภายใน นิยมนำมาแกะเจียรไน เป็น รูปวัตถุงคลและเป็นเครื่องประดับติดกาย

พลัง ของหยก : หยกแต่ละสี ให้พลังแตกต่างกันออกไป

หยกสีเขียว : ให้พลังด้านอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข ความมั่งคั่ง

ความร่ำรวย ชาวจีนเชื่อว่าหยกสีเขียวเป็นต้น

กำเนิดของคำว่า "เงินทองไหลมาเทมา"

หยกสีขาว : ให้พลังด้านความโชคดี เป็นสิ่งที่เอาความโชคดี มา

สู่ผู้เป็นเจ้าของทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความ

บริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งเน้นลึกถึงพลังจิตใจที่ใสสะอาด

และนำมาสู่ ความมีอายุยืนอีกด้วย

หยกสีม่วง : หรือ หยกลาเวนเดอร์ ให้พลังแห่งชีวิตที่มีความสุข

สมบูรณ์ พรั่งพร้อมในทุกด้าน และพลังในการ

ควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

หยกสีแดง : พลังแห่งความรักและความสมหวัง